My food108

My food108
สูตรทำอาหารไทย อาหารพื้นบ้านหลากหลายเมนู

ย่างเสือร้องไห้


ส่วนผสม สำหรับทำย่างเสือร้องไห้

เนื้อวัวติดมันหั่นเป็นชิ้น 500 กรัม
ซิอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ(น้ำจิ้ม)
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ผักชีซอย 1 ช้อนชา
ข้าวคั่ว 2 ช้อนชา
พริกแห้งป่น 1 ช้อนโต้ะ

วิธีทำ เสือร้องไห้ 

1. เตรียมชาม ใส่เนื้อหมักเนื้อ ด้วยพริกไทย ซิอิ๊ว น้ำมันหอย และน้ำปลา หมักไว้ครึ่งวันเป้นย่างน้อน
2. เตรียมเตาย่าง นำไปย่างจนสุก จากนั้น หั่นเนื้อเป็นชิ้นๆพอคำ
3.เตรียมน้ำจิ้ม โดยผสม น้ำปลา น้ำมะนาว หอมแดง ข้าวคั่ว ผักชี และพริกแห้งป่น ผสมกันให้เข้ากัน
4. เสริฟ เนื้อย่าง พร้อมกับน้ำจิ้มแจ่ว กับข้าวง่ายๆ

ก้อยหอยปัง

ส่วนผสม ก้อยหอยปัง

  • หอยปัง
  • พริกป่น
  • ข้าวคั่ว
  • น้ำมะนาว
  • ต้นหอมซอย
  • น้ำปลา
  • น้ำปลาร้า

วิธีทำ ก้อยหอยปัง

  1. นำหอยปังมาต้มให้สุก
  2. นำหอยปังที่สุกแกะเอาเฉพาะหัวหอย นำมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ
  3. จากนั้นนำเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ พริกป่น ข้าวคั่ว หอมซอย น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำปลาร้า คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสตามใจชอบ
หมายเหตุ ควรกินกับผักเคียง เช่น ใบกระโดน,ใบผักเม็ก,ผักกาด,ยอดกระถิน,ใบมะกอก เป็นต้น

จังโก้เนื้อขาลาย


          สวัสดีครับวันนี้จะนำสูตรอาหารพื้นบ้านแถบทางอุดร-หนองคายมาฝากกันครับ เมนูนี้มีชื่อว่า "จังโก้เนื้อ" ครับ  เป็นอาหารที่มีรสกลมกล่อมขมนิดๆครับ อร่อยดี งั้นเรามาดูส่วนผสมกันเลย....

ส่วนผสม


1.เนื้อน่องลาย (หรือเนื้อส่วนอื่นตามชอบ)           

2.ตะไคร้                                                          
3.กระชาย                                                         
4.ใบมะกรูด                                                       
5.พริกสดเม็ดเล็ก                                               
6.พริกไทยอ่อน
7.ใบโหระพา
8.กระเทียมบุบพอแตก
9.น้ำมันสำหรับผัด
10.น้ำปลา
11.ผงชูรส
12.ดีวัว(แล้วแต่คนชอบขม)


วิธีทำ


ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพอร้อนดี ใส่กระเทียมลงผัดให้หอม แล้วเปิดไฟให้แรง ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงพร้อมกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา ดีวัว ผงชูรส ไม่ต้องผัดนาน พอเนื้อสุกเป็นสีชมพู ยกลงจากเตา แล้วตักใส่จาน

กุ้งเต้น



วัตถุดิบ

   1. กุ้งฝอย 1 ถ้วยตวง
   2. หอมแดงซอย 3-5 หัว
   3. ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
   4. พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
   5. ผักชีลาบซอย 2 ช้อนโต๊ะ
   6. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
   7. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
   8. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
   9. สะระแหน่ 10 ใบ หรือไม่ใส่ก็ได้

วิธีทำ 

    1. กุ้งฝอยหากยังไม่ตาย ให้นำไปน๊อคด้วยน้ำเย็นจัดๆสัก 5 นาทีจนสลบทั้งหมด นำขึ้นสะเด็ดน้ำพักไว้จนแห้ง พักไว้ในตู้เย็น
    2. ผสมน้ำยำด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว พริกขี้หนูซอยหรือทุบ จนละลายเข้ากัน
    3. ผสมทั้งหมดด้วยกัน ข้อ 1-5 คลุกเค้าพอเข้ากัน โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ หรือผักชี ต้นหอม

ลาบหมู

คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่่ลาบหมู
ลาบหมู เป็นอาหารที่นิยมทำกินกันในโอกาสพิเศษหรืองานเลี้ยงหรือในเทศกาลต่างๆ ส่วนประกอบหลักของลาบหมู คือเนื้อหมูสด นำมาสับให้ละเอียดคลุกเคล้ากับเลือดสดและเครื่องในต้มหั่นซอย ปรุงด้วยเครื่องปรุงอันประกอบด้วยพริกแห้งเผา และเครื่องเทศต่างๆ ลาบกินกับผักสดนานาชนิด โดยเฉพาะประเภทสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมแรง และเรียกผักที่นำมากินกับลาบว่า “ผักกับลาบ” ปัจจุบัน นิยมรับประทานลาบหมู มากกว่าลาบวัว ลาบควาย ลาบที่ยังไม่สุก เรียกว่า ลาบดิบ ถ้าต้องการรับประทานแบบสุก ก็นำไปคั่วกับน้ำมันพืชเล็กน้อย หรือไม่ใส่น้ำมันก็ได้ตามชอบ เรียกว่า ลาบคั่ว (ประธาน นันไชยศิลป์, สัมภาษณ์, 3 กรกฎาคม 2550; รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 5937-5944)

ส่วนผสม

1.เนื้อหมูสันใน300กรัม
2.เครื่องในหมู200กรัม
3.เลือดหมู1/2ถ้วย
4.ผักไผ่2ช้อนโต๊ะ
5.พริกลาบ3ช้อนโต๊ะ
6.กระเทียมเจียว1ช้อนโต๊ะ
7.พริกขี้หนูแห้งทอด5เม็ด






วิธีการทำ

1
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
2
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
3
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
4
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
5
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
6
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
7
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
8
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
1. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นเล็กๆ
2. สับหมู ขณะที่สับให้ใส่เลือดหมูลงสับด้วยทีละน้อย
3. สับหมู จนกระทั่งหมูละเอียดและนิ่ม
4. หั่นเครื่องในหมูต้มและหนังหมูต้มเป็นชิ้นบางๆ
5. ผสมเลือดหมู น้ำต้มเครื่องในหมู พริกลาบ คนให้เข้ากัน
6. ใส่หมูสับละเอียดลงคลุกเคล้าให้เข้ากัน
7. ใส่เครื่องในหมูและหนังหมู
8. ใส่ผักไผ่ซอย และผักชีต้นหอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

การใช้พริกลาบกับเนื้อหมู ไก่ ปลา จะใช้ พริกลาบสูตรเดียวกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อที่จะนำมาทำลาบ เช่น น้ำหนักหมู 1 กิโลกรัม การใช้พริกลาบประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะ เพิ่มหรือลดตามความชอบเผ็ดมากหรือเผ็ดน้อย

ลาบเป็ด


ส่วนผสม
1. เนื้อเป็ด 1 ตัว สับละเอียดประมาณ 300 กรัม
2. เครื่องในหั่นบางๆ  หนังเป็ด
3. พริกป่น  2 ช้อนโต๊ะ
4. ข้าวคั่ว 2- 3 ช้อนโต๊ะ
5. ต้นหอมและผักชีฝรั่ง ซอย อย่างละ 5 ต้น
6. น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลา
8. ผงชูรส
9. ใบมะกรูดทอดกรอบสำหรับโรยหน้า
10. พริกแห้งทอดกรอบ


วิธีทำ
1. ตั้งกะทะใส่หนังเป็ดลงไปทอดไฟอ่อนให้กรอบแล้วตักขึ้นใส่จานไว้
2. ตักน้ำมันที่ได้จากการทอดออกให้เหลืออยู่ในกะทะประมารสัก 2-3 ช้อนโต๊ะ นำเครื่องในเป็ดลงไปผัดให้สุกแล้วจึงเอาเนื้อเป็ดลงไปผัดด้วยกันให้สุกแล้วตักขึ้นใส่ภาชนะปล่อยทิ้งไว้ไห้เย็นพอประมาณ
3.ปรุงรสด้วย น้ำปลา ผงชูรส ข้าวคั่ว พริกป่น น้ำมะนาว คนให้เข้ากันชิมรสดู ได้ที่ใส่ต้นหอมผักชีที่ซอยไว้่ โรยด้วยหนังเป็ดทอด ใบมะกรูดทอด พริกแห้งทอด ตักใส่จานพร้อมรับประทาน

สูตรลาบเลือด
นำเลือดเป็ดที่ได้มาผสมกับน้ำร้อนเพื่อให้สุกและไม่คาวพอประมาณ ตักลาดใส่ลาบ ก็จะได้ลาบเลือดเป็ดที่แสนจะอร่อย

ข้าวซอยไก่


ข้าวซอยเป็นอาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งมีที่มาจากอาหารของชาวมุสลิม โดยชาวจีนฮ่อมุสลิม ซึ่งบางแห่งเรียกชื่อเต็มว่า ข้าวซอยฮ่อ หรือ ข้าวซอยอิสลาม ดังนั้น ข้าวซอยจึงใช้เนื้อไก่และเนื้อวัวเป็นส่วนผสม (รัตนา พรหมพิชัย , 2542 , หน้า 811; นงเยาว์ วิริยะ, สัมภาษณ์, 2 กรกฎาคม 2550)

ส่วนผสม

1.น่องไก่1กิโลกรัม
2.เส้นข้าวซอย1/2กิโลกรัม
3.น้ำมันพืช1ถ้วย
4.กะทิ3ถ้วย

เครื่องแกง

1.พริกแห้ง10เม็ด
2.กระเทียม10กลีบ
3.หอมแดง10หัว
4.ผิวมะกรูด1ลูก
5.กระชาย5หัว
6.ขมิ้น2ชิ้น
7.ตะไคร้ซอย2ช้อนโต๊ะ
8.น้ำตาลปี๊บ2ช้อนโต๊ะ
9.กะปิ3ช้อนโต๊ะ
10.ผงกะหรี่1ช้อนโต๊ะ

เครื่องเคียง

1.พริกป่นผัดน้ำมัน
2.หอมแดง
3.ผักกาดดอง
4.มะนาว
5.ผักชี
6.ต้นหอม





วิธีการทำ

2. ตั้งน้ำกะทิประมาณ 1 ถ้วย พอเดือด
3. ใส่เครื่องแกงผัดจนหอม
4. ใส่ผงกะหรี่ละลายน้ำเล็กน้อย
5. ใส่ไก่ ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำเล็กน้อย ใส่น้ำตาลปี๊บ แล้วเติมกะทิ เคี่ยวต่อจนไก่นุ่ม
6. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช พอร้อนใส่เส้นข้าวซอยที่คลี่ออกจากกันแล้ว ทอดพอเหลืองกรอบ
 เพื่อทำเส้นกรอบสำหรับโรยหน้า
7. ลวกเส้นข้าวซอยกับน้ำเดือดประมาณ 1 นาที แล้วนำมาลวกในน้ำเย็น

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

เคล็ดลับในการปรุง
ข้าวซอยปรุงได้ทั้งเนื้อไก่ เนื้อวัว สำหรับการทำข้าวซอยเนื้อ สำหรับการทำข้าวซอยเนื้อควรหั่นเป็นชิ้นพอคำ
 ต้มให้เปื่อยก่อน แล้วนำไปเคี่ยวกับเครื่องแกง

เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม
การเลือกเนื้อไก่ ควรเลือกน่องและสะโพก สำหรับข้าวซอยเนื้อ ควรใช้เนื้อสันคอ



ไส้อั่ว


คำว่า อั่ว หมายถึง แทรก หรือยัดไว้ตรงกลาง ไส้อั่ว จึงหมายถึงไส้ที่มีการนำสิ่งของยัดไว้ การทำไส้อั่ว นิยมใช้ไส้หมูและเนื้อหมู การทำไส้อั่ว เป็นวิธีการถนอมอาหาร ให้สามารถรับประทานได้นานขึ้น คือประมาณ 1-2 วัน (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 7257) แต่ถ้าเก็บไว้ในที่เย็น หรือปัจจุบัน มีการบรรจุถุงแบบสูญญากาศ ก็เก็บไว้ได้นานมากยิ่งขึ้น การทำให้ไส้อั่วสุก จะใช้วิธีปิ้ง หรือทอดก็ได้ (ศรีนวล อภิวงศ์, สัมภาษณ์, 9 กรกฎาคม 2550)

ส่วนผสม

1.เนื้อหมูบด1กิโลกรัม
2.ไส้หมู300กรัม
3.ใบมะกรูด10ใบ
4.ผักชีซอย2ช้อนโต๊ะ
5.ต้นหอมซอย2ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง

1.พริกแห้ง10เม็ด
2.ข่าหั่น1ช้อนโต๊ะ
3.ตะไคร้ซอย2ช้อนโต๊ะ
4.หอมแดง10หัว
5.กระเทียม20กลีบ
6.กะปิ2ช้อนโต๊ะ
7.เกลือ1ช้อนชา

วิธีการทำ

คลิกดูคลิปวิธีทำไส้อั่ว
1
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
2
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
3
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
4
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
5
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
6
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
7
คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่
1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ล้างไส้หมูให้สะอาด โดยใส่น้ำลงในไส้ แล้วกลับด้านในออกมาด้านนอก นำไปแช่น้ำใส่เกลือ
ประมาณ 10 นาที แล้วกลับด้านนอกออกเหมือนเดิม
3. ใส่เครื่องแกงลงคลุกเคล้ากับเนื้อหมูบดให้เข้ากัน
4. ใส่ผักชีต้นหอมซอย ใบมะกรูดซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
5. นำหมูที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้ว มากรอกใส่ไส้หมู โดยใช้กรวยช่วยในการกรอกหมูใส่ไส้
6. เมื่อกรอกไส้จนเต็มแล้ว มัดปากไส้
7. นำไส้อั่วที่ได้มาย่างไฟอ่อนๆ จนสุกเหลืองทั่ว ประมาณ 45 นาที 

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

ขณะที่นำไส้อั่วย่างไฟ ให้ใช้ไม้จิ้มเพื่อระบายอากาศ เพื่อไม่ให้ไส้แตก
ย่างกับถ่านไม้ ไส้อั่วจะมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน

สะตอผัดกะปิกุ้งสด


ส่วนผสม

1. สะตอ 1 ขีด
2. กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
3. กุ้งชีแฮ 1 ขีด
4. กระเทียมกลีบเล็ก 6 กลีบ
5. หอมแดง 2 หัว
6. น้ำตาลทราย ตามชอบ
7. น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
8. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
9. พริกเหลืองหรือพริกขี้หนูแดงสด 7 เม็ด

วิธีปรุงเครื่องแกง

นำกระเทียม กะปิ พริก และหอมแดง โขลกรวมกัน ให้ละเอียด แค่นี้ก็ได้พริกแกงสำหรับผัดสะตอรสชาติที่จัดจ้านแล้วค่ะ

วิธีทำผัดสะตอ

1. กระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชพอร้อน นำเครื่องแกงที่ตำไว้ผัดจนเริ่มมีกลิ่นฉุน สังเกตุได้จากคนรอบข้างจะเริ่มจาม ถ้าไม่จามต้องตำพริกใส่ลงไปอีก
2. ใส่กุ้งชีแฮที่ล้างให้สะอาด เด็ดหัวและผ่าหลังให้เรียบร้อย รอสักครู่
3. เมื่อกุ้งเริ่มสุกโดยดูได้จากตัวกุ้งเริ่มเปลี่ยนสีจากสีใสๆ เป็นสีส้มอ่อนๆ ใส่น้ำมะนาวเพื่อให้สะตอคงสีเขียวที่น่ารับประทานไว้ เสร็จแล้วสะตอลงผัดใส่น้ำตาลทราย 2 -3 หยิบมือเป็นอันเรียบร้อย
ตักใส่จานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว
** สะตอก่อนนำมาผัดให้แช่น้ำปล่าว ประมาณ 10 นาที เพื่อสะตอจะได้ไม่เหี่ยวเวลาผัด และไม่ควรผัดนานเกนไปหลังจากใส่สะตอแล้ว เพราะจะทำให้ไม่กรอบ

ผัดเผ็ดปลาไหล


 เครื่องปรุง    
ปลาไหลหั่นหนา 1 ซม. (น้ำหนัก 500 กรัม) 
มะเขือพวง 1 ถ้วย 
กระเพราเด็ดเป็นใบ 1/4 ถ้วย 
กระชายหั่นฝอย 1 ถ้วย 
เม็ดพริกไทยอ่อนบุบพอแตก 1/4 ถ้วย 
น้ำปลา 1/3 ถ้วย 
น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ 
เหล้า 1/4 ถ้วย 
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย 


   เครื่องแกง    
ลูกผักชี 2 ช้อนชา 
กานพลู 3 ดอก 
ลูกกระวาน 2 ลูก 
พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ 
ลูกจันทน์ 1/4 ลูก 
(คั่วเครื่องเทศทั้งหมดให้มีกลิ่นหอม ป่นให้ละเอียด) 


พริกขี้หนูแห้งคั่ว 35 เม็ด 
พริกขี้หนูสวน 2 ช้อนโต๊ะ 
ตะไคร้ซอย 1 ต้น 
ข่าหั่น 5 แว่น 
รากผักชีหั่นละเอียด 6 ราก 
ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 2 ช้อนชา 
เกลือป่น 1 ช้อนชา 
หอมแดง 3 หัว 
กระเทียม 15 กลีบ 
กระชายหั่น 2 ช้อนโต๊ะ 
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ 


โขลกพริกทั้ง 2 ชนิดกับเครื่องเทศที่ป่นแล้ว ใส่ตะไคร้ ข่า รากผักชี ผิวมะกรูด กระเทียม เกลือ โขลกจนละเอียดแล้วจึงใส่กระชาย หอมแดง กะปิ โขลกให้ละเอียดอีกครั้ง 

วิธีทำ 
1. ผัดเครื่องแกงที่โขลกกับน้ำมันด้วยไฟแรงจนหอม 
2. ใส่ปลาไหล ผัดพอปลาสุก ใส่เหล้า ผัดพอทั่ว 
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำ ใส่กระชาย พริกไทยอ่อน มะเขือพวง ใบกะเพรา ผัดพอทั่ว ตักใส่จาน เสิร์ฟ 

คั่วหนูนา












*เตรียมครัว*
1. หนูนาย่างสับ                                      1-2              ตัว
2.
พริกแห้ง                                            7-9              เม็ด
3.  
ตะไตร้                                                1              ต้น
4.  
รากผักซี                                          1-2              ราก
5.  
เกลือป่น                                            ½             ช้อน
6.  
หอมแดง                                             1              หัว
7.  
กระเทียม                                            1              หัว
8.  
ข่า                                                      1              แว่น
9.  
พริกไทย                                             2-3           เม็ด
10.
เครื่องเทศ                                        1              ถุง
11.  
กะปิ                                                 ¼             ช้อน
12.  
น้ำมันพืช                                        2              ช้อน
13
น้ำปลา                                            1 ½          ช้อน
14.  
รสดี                                                ½             ช้อน
15.
พริกชี้ฟ้าแดงซอย                             2-3           เม็ด
16.
ผักชี                                                 2              ต้น
17.  
กระเพรา                                         7-10         ยอด












วิธีทำผัดเผ็กหนูนา 
1. ย่างหนูนาหรือทอดให้เหลือง จากนั้นก็สับเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถ้วยพักไว้
2.
เด็ดชะอม ใบกระเพรา หั่นผักชี และซอยพริกชี้ฟ้าแดงพักไว้
3.
ตำพริกแกง พริกแห้ง ตะไคริ รากผักชี เกลือป่น หอมแดง กระเทียม ข่า พริกไทย ผิวมะกรูด
   
และเครื่องเทศให้แหลกละเอียดและใส่กะปิ
4.
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช   พอร้อนก็ตักเครื่องที่ตำไว้  ผัดจากนั้นก็ใส่หนูนาลงผัดให้เข้ากัน
   
ปรุงรสด้วยน้ำปลา รสดี  ใส่ ชะอม ใบกระเพรา ผักชี พริกชี้ฟ้าแดง    ผัดให้เข้ากัน ตักเสริฟ

คั่วกลิ้งหมู


       เมนูนี้เป็นอาหารพื้นเมืองของทางภาคใต้ที่เป็นที่ถูกอกถูกใจคนหลายๆ ภาค และยังสามารถทำ   รับประทานเองได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก
  เนื้อสัตว์ที่ใช้ทำคั่วกลิ้ง ก็แล้วแต่ความชอบกันเลยน่ะค่ะ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่  เนื้อวัว เป็นต้น แต่วัน   นี้เราจะใช้เนื้อหมูมาทำจ้า เราไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยดีกว่าน่ะค่ะ


    สำหรับส่วนผสมของเครื่องแกงดูได้ด้านล่างเลยค่ะ

  วิธีทำเครื่องแกง


  • ตะไคร้หั่นฝอย 4  ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมหั่นเป็นแว่น 2  ช้อนโต๊ะ
  • ข่าหั่น 3  ช้อนโต๊ะ
  • ขมิ้น 1/2 นิ้ว
  • ผิวมะกรูดซอย 1  ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1  ช้อนชา
  • พริกขี้หนูแห้งแช่น้ำ 30  เม็ด
  • พริกไทยเม็ด 2  ช้อนโต๊ะ
  • กะปิ 1  ช้อนชา

  ***เราจะนำส่วนประกอบของเครื่องแกงที่เตรียมไว้มาโขลกให้ละเอียดน่ะค่ะ เมื่อละเอียดแล้วเรา  จะใส่กะปิ แล้วก็ขลกให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่จานพักไว้ เป็นอันว่าเสร็จแล้วเครื่องแกงคั่วกลิ้งของ     เรา***

  ส่วนผสมของคั่วกลิ้งหมู


  • เนื้อหมู 250  กรัม
  • น้ำตาลทราย ครึ่งช้อนชา
  • น้ำปลา 1  ช้อนโต๊ะ
  • ใบมะกรูดหั่นฝอย 2  ช้อนโต๊ะ
  • เครื่องแกง 1  ส่วน
  • พริกไทยสด 1  ช้อนโต๊ะ


  วิธีทำคั่วกลิ้งหมู


  1. ตั้งกระทะตั้งไฟ
  2. เราจะใส่เนื้อหมูที่สับหยาบๆ ลงไปแล้วค่อย ๆ ผัดจนหมูสุก  จากนั้นใส่เครื่องแกงที่เราตำเตรียมไว้ แล้วก็คั่วๆต่อจนเครื่องแกงเข้ากับเนื้อหมู
  3. เราจะปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย และน้ำปลา ก่อนจะใส่น้ำปลาชิมดูก่อนก็ได้น่ะค่ะว่าเค็มหรือยัง ถ้ายังไม่เค็มก็เพิ่มน้ำปลาลงไป ถ้าเค็มแล้วก็ไม่ต้องใส่เพราะเราได้ใส่กะปิในเครื่องแกงไปบ้างแล้ว 
  4. ถ้ารสชาติโอเคแล้ว ให้ใส่พริกไทยสดลงไปคั่วต่อ จนเม็ดพริกไทยอ่อนตัว จึงใส่ใบมะกรูดหั่นฝอยโรยลงไปคั่วต่อจนให้เข้ากันดี  แล้วยกลง 

         เห็นมั้ยล่ะค่ะว่าวิธีทำง๊ายง่าย เครื่องแกงถ้าเราไม่สะดวกที่จะตำเองล่ะก้อ เรามีตัวเลือก คือการ   ไปซื้อเครื่องแกงเอา 555+ หาซื้อได้ง่ายมากๆ รสชาติจี๊ดจ๊าด เผ็ดร้อน อร่อยเว่อร์ ลองทำดูกันน่ะ      ค่ะ ยิ่งเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ และผักสดๆ โอ้ยยย !! หิวข้าวกันเลยทีเดียว...

ตำปูปลาร้า



















      ส่วนผสมส้มตำปูปลาร้า
 มะละกอดิบ  2 ถ้วย
 กระเทียม  3 กลีบ
 พริกขี้หนู  5-6 เม็ด
 มะเขือเทศผ่าครึ่ง 1-2 ลูก
 ปูดอง  1-2 ตัว
 ถั่วฝักยาวหั่น 1 ฝัก
 น้ำปลาร้าต้ม(ใส่เนื้อปลาร้าด้วยก็ได้) 1 ช้อนโต๊ะ
 น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
 กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
 น้ำมะนาว หรือ น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย
 น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ


      วิธีทำส้มตำปูปลาร้า
 1. ปลอกมะละกอ และล้างด้วยน้ำให้สะอาด แล้วทำการเฉาะและสับ แล้วใช้มีด ฝานให้เป็นเส้นๆ
 หรืออาจใช้ที่ไสมะละกอแทน
 2. ใส่กระเทียมและพริกขี้หนู ลงในครก แล้วตำให้พอแตก แล้วตามด้วยถั่วฝักยาว ตำให้แหลก
 3. ใส่มะเขือเทศ น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำปลาร้า แล้วตำให้เข้ากัน
 4. ใส่มะละกอ แล้วตามด้วยปูดอง(ดึงกระดองปูด้านในทิ้งก่อน)แล้วตำเบาๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
 5. ชิมแล้วปรุงจนชอบ ตักใส่จานทานพร้อมผักสด

บทนำ

          อาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในชีวิตประจำวันซึ่งเป็น 1 ในปัจจัย4 อาหารมีมากมายหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับพื้นที่วิถีชีวิตความเป็นอยู่  อาหารของแต่ละท้องถิ่น แต่ละภูมิภาคก็มีความแตกต่างกันออกไป ทั้งเรื่องของวัถุดิบเครื่องเทศวิธีการทำประกอบกันขึ้น ทำให้รสชาติที่ออกมาเป็นเอกลักษณ์และสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
          
            
            ในเว็ปไซด์นี้จะนำเอาสูตรอาหารของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งอาจมีทั้งที่มีขายกันในท้องตลาดและที่หาไม่ได้ตามท้องตลาด มารวมไว้ให้ศึกษาหรือทดลองทำกัน และผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เยี่ยมชมเว็ปไซด์นี้ไม่มากก็น้อยครับ...